มังกรบูรพา
เงินแท้.... พระแท้... รับประกันความแท้ ตลอดชีพ
โทรศัพท์ : 089 -1285556 อีเมล : zen2553@hotmail.co.th
ยูสเซอร์เนมของเจ้าของชมรม : มังกรชล

  พระกริ่ง ๙ แก้ว กวนอู


(ดูรูปใหญ่คลิ๊กที่รูป)

(ดูรูปใหญ่คลิ๊กที่รูป)


(ดูรูปใหญ่คลิ๊กที่รูป)


(ดูรูปใหญ่คลิ๊กที่รูป)

 

ประเภท   พระกริ่ง
พระชัยวัฒน์
ชื่อพระ   พระกริ่ง ๙ แก้ว กวนอู
ราคาโชว์พระ บาท.
สถานะ  
ชมรม   มังกรบูรพา
วันที่แก้ไข   9 มิ.ย. 2557 23:34:27
รายละเอียด
หลวงปู่แก้ว เกสาโร พระภิกษุชรา อายุ๑๐๔ปี ไฟออกจมูกขณะเจริญธาตุ ปลุกเสกพระกริ่ง ๙ แก้ว หลวงปู่แก้ว เกสาโร พระภิกษุชราอายุ ๑๐๔ ปี ผู้ที่เป็นทั้งเพื่อนและศิษย์ของหลวงปู่ทิม ท่านใช้ธาตุทั้ง ๔ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ เจริญภาวนาตั้งแต่เริ่มเล่าเรียนวิทยาการทางไสยศาสตร์จนบังเกิดอาคมเข้มขลัง ฮึกเฮิมจนกลายเป็นเสือปล้นในที่สุด จนบั้นปลายชีวิตของท่านได้หันเข้าหาบวรพุทธศาสนาบวชตั้งแต่นั้นมา และก่อนที่หลวงปู่ทิมจะมรณภาพ ท่านสั่งให้หลวงปู่แก้ว เจริญธาตุทั้ง ๔ คือ นะ มะ พะ ทะ ตัวเดิมที่เคยทำให้เกิดฤทธิ์เกิดเดชอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ให้พิจารณาจนถึงแก่นแท้ คือ แม้แต่ธาตุทั้ง ๔ อันเป็นแม่ธาตุใหญ่ของทุกสรรพสิ่งในจักรวาลก็ยังเป็นเพียงสมมุติต้องแตกดับเช่นกัน ไม่มีอะไรเป็นแก่นสารเที่ยงแท้แน่นอน ให้พิจารณาจนถึงขั้นธาตุทั้งหลายทั้งปวงที่ประกอบเป็นตัวเราตัวเขาแตกดับเป็นจุล แล้วก็จะหมดสุขหมดทุกข์ได้เช่นกัน เรียกว่า เจริญพระกรรมฐานธาตุ เมื่อวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๒๗ เวลา ๑๒.๑๙น. ได้เกิดพระกริ่งขึ้นชนิดหนึ่งถอดแบบจากพระกริ่งจีนเล็กรุ่นหนึ่งของหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี เมื่อหล่อหลอมเนื้อผสมด้วยดีบุก ตามเคล็ดที่หลวงปู่แก้ว บอกว่า ดีแล้วจึงบุก ก็ต้องเอาดีบุกผสม นำไปถวายหลวงปู่แก้วเพื่อปลุกเสกบรรจุพุทธานุภาพ โดยทำพิธีบวงสรวงประกอบด้วยหัวหมู บายศรี ราชวัตร ฉัตรธง ภายในกุฏิของหลวงปู่แก้ว ในการประกอบพิธีกรรมครั้งนี้ได้มีการบันทึกภาพเหตุการณ์ทั้งหมดได้ด้วย มีการถ่ายภาพด้วยกล้องถ่ายภาพชนิดดียี่ห้อนิคคอน เอฟเอ็ม๒ ภาพที่ถ่ายทุกภาพใช้แฟลทไลท์ช่วยเพราะในห้องหลวงปู่แก้วค่อนข้างมืด และก็เป็นการมหัศจรรย์ มีภาพๆหนึ่งที่ถ่ายในพิธีการครั้งนี้ เกิดความแปลกประหลาด จนยากจะหาเหตุผลธรรมดามาพิสูจน์ได้ คือ มีภาพหลวงปู่แก้วอยู่ภาพหนึ่ง ปรากฏมีแสงไฟพุ่งออกจากจมูกของหลวงปู่แก้วเป็นช่อดวงไฟ ช่อมีความสว่างกว่าแสงเปลวเทียนที่จุดประกอบพิธีหลายเท่า เมื่อปรากฏภาพนี้เกิดขึ้น พิจารณาจากฟิล์มต้นฉบับพร้อมทบทวนเหตุการณ์ปรากฏว่า แม้แต่ในฟิล์มเองก็มีลำแสงไฟนี้ด้วย และพยายามพิสูจน์กันหลายๆสิบตาจนในที่สุดต่างก็ยอมรับว่าภาพนี้ไม่มีการตบแต่งเพิ่มเติมแต่อย่างใด เกิดเองตามธรรมชาติ ชนิดนอกเหตุเหนือผล เพราะแสดงไฟที่ปรากฏขึ้นทุกคนไม่มีใครเห็นด้วยตาเปล่าหรือตาเนื้อเลยในขณะประกอบพิธีและถ่ายภาพ เมื่อปรากฏภาพนี้ขึ้นได้แล้ว เมื่อวันไปรับพระกริ่ง ๙ แก้ว เกสาโรชุดนี้กลับเมื่อ พฤหัสบดีที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๒๗ รวมเวลาที่หลวงปู่แก้วปลุกเสกพระกริ่ง ๙ แก้ว เกสาโรทุกคืนแล้ว เป็นเวลานานถึง ๕๖ คืน เท่ากับกำลัง ๕๖ ของพระพุทธคุณ การสร้างพระกริ่ง ๙ แก้ว เกสาโร เป็นพระกริ่งกฤตยาคมแฝด เมื่อหลวงปู่แก้วปลุกเสกเสร็จแล้วก็จะนำไปให้หลวงพ่อเริ่ม ปรโม ปรมาจารย์ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังอีกองค์หนึ่งในภาคตะวันออกปลุกเสกอีกองค์หนึ่ง แต่เมื่อนำหีบใส่พระกริ่งทั้งหมดไปให้หลวงพ่อเริ่มๆ ท่านเห็นแล้วบอกว่าไม่ต้องปลุกเสกอีกแล้ว หลวงปู่แก้วท่านทำไว้ดีแล้ว สุดยอดแล้ว แต่เพื่อให้สมกับชื่อที่ตั้งไว้ว่าเป็นพระกริ่งกฤตยาคมแฝด ระหว่างหลวงเก่งแต่ไม่ดัง(คือหลวงปู่แก้ว) และหลวงพ่อทั้งดังทั้งเก่ง(คือหลวงพ่อเริ่ม) หลวงพ่อเริ่มท่านจึงอัญเชิญครูบาอาจารย์ สวดสรรเสริญพุทธคุณให้ดังๆจบหนึ่ง ท่านบอกว่าหลวงปู่แก้วทำไว้ดีสุดยอดแล้ว เมื่อวันไปรับพระกริ่งชุดนี้จากหลวงปู่แก้ว ก็ได้นำภาพ ๔ สีซึ่งเป็นภาพที่ปรากฏไฟออกทางจมูกให้ท่านดูด้วย ปกติหลวงปู่แก้วท่านตามืดสนิทมองภาพอะไรต่อมิอะไรด้วยตาเนื้อไม่เห็นแล้ว แต่ผมก็ยกภาพวางไว้ต่อหน้าท่าน ท่านมีอาการสงบนิ่งเงียบมาก สักครู่ก็พูดออกมาว่า แปลกดีเป็นเรื่องที่เกิดเหนือเหตุเหนือผลเวลาที่นี่ (นี่คือสรรพนามที่ท่านเรียกตัวท่านเอง) ปลุกเสกก็เริ่มจากธาตุทั้ง ๔ เต็มที่แล้วก็เรียกอาการ ๓๒ ให้บังเกิดเป็นภาพนิมิตเป็นกายสิทธิ์ เพื่อประกอบเป็นองค์พระขึ้นมา เพื่อให้มีชีวิตจิตใจจะเรียกว่าเป็นการปลุกให้บังเกิดเทพขึ้นมารักษาหรือประจำพระกริ่งชุดนี้ก็ได้ หลวงปู่แก้วท่านกล่าวให้ฟังอย่างนี้ เมื่อถามท่านอีกว่า แล้วภาพไฟที่พุ่งออกจากจมูกท่านเกิดขึ้นได้อย่างไร ท่านบอกว่าเวลา เจริญธาตุทั้ง ๔ นะ มะ พะ ทะ หรือ ดิน น้ำ ลม ไฟ เต็มที่นั้น ถ้าใครได้ตาใน(คงจะหมายถึงตาทิพย์) ก็จะเห็นแสงไฟคลุมพระเครื่องนั้นทั้งหมด กล้องถ่ายรูปมันก็เป็นตาวิเศษเลยจับภาพนั้นได้ นับเป็นการประหลาดที่ยากจะอธิบายด้วยเหตุผลธรรมดาๆได้ นอกจากนั้นยังได้เรียนถามหลวงปู่แก้วถึงการปลุกเสกพระกริ่ง ๙ แก้ว เกสาโร นี้ต่อไปอีกว่า นอกจากเจริญธาตุ เรียกอาการ๓๒ แล้ว หลวงปู่ปลุกเสกอย่างไรอีก ท่านบอกว่า ใช้วิชาอาคมที่ร่ำเรียนมาทั้งหมดบรรจุเข้าไปด้วย แล้วสวดบรรจุด้วยอำนาจพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ ทุกบทที่ใช้อยู่สวดอยู่ รวมทั้งชินบัญชรคาถาที่กล่าวอัญเชิญอานุภาพของพระอรหันต์มาบรรจุลงด้วย เสร็จแล้วก็สวดบรรจุด้วยยอดพระกัณฑ์พระไตรปิฏกทุกคืน ยอดพระกัณฑ์พระไตรปิฏกนี้สำคัญมากกล่าวถึงพุทธานุภาพทุกอย่างตั้งแต่ โสดาปฏิมรรค โสดาปฏิผล ไปจนถึง อรหันต์มรรค อรหันต์ผล สุดท้ายหลวงปู่แก้วท่านบอกว่า ท่านเข้าสทาคามีผลเสก ซึ่งทำให้คิดได้ว่า หลวงปู่แก้วอย่างน้อยท่านคงบรรลุคุณธรรมขั้นสทาคามีผลแน่ ท่านจึงเอาคุณธรรมที่ท่านบรรลุบรรจุเข้าไว้ในพระกริ่งชุดนี้ด้วย เพราะท่านเคยบอกว่า ท่านพิจารณาธาตุทั้ง ๔ ตามที่คุณพ่อสอน (หมายถึงหลวงปู่ทิม หลวงปู่แก้วแม้จะอายุอ่อนกว่าหลวงปู่ทิมเพียง๒ ปีและเป็นเพื่อนกันมาก่อน แต่ท่านเรียกหลวงปู่ทิม ว่าท่านพ่อหรือคุณพ่อ ด้วยความเคารพทุกคำ) จนดับสุขดับทุกข์หมดแล้วจิตมันเฉยๆ แม้ตาท่านจะมองไม่เห็น ก็ไม่เป็นทุกข์เวลาจะเบา(ปัสสาวะ) แม้จะเจ็บปวดทรมานมาหลายปีก็ไม่เป็นทุกข์ จิตมันเฉยๆ ท่านบอกว่าท่านนึกถึงทางนิพพานทุกลมหายใจเข้าออกไม่เคยลืม! ก่อนที่จะรับพระกริ่ง ๙ แก้ว เกสาโร กลับได้เรียนถามหลวงปู่แก้วว่า พระกริ่งนี้ดีทางไหน ท่านบอกว่าดีทุกทางแล้วแต่จะนึกเอา (อธิษฐานเวลาใช้) นับเป็นพระเครื่องชั้นสุดยอดของท่านและท่านบอกว่า ต่อจากนี้ไปท่านจะไม่ปลุกเสกพระเครื่องอะไรอีกแล้ว เพราะสังขารมันแก่เต็มที จนจะไม่ไหวแล้ว พระกริ่ง ๙ แก้ว เกสาโรจึงเป็นพระกริ่งรุ่นแรกและรุ่นสุดท้ายหรือรุ่นเดียวของท่าน คุณชินพร สุขสถิตย์ เองแม้จะเป็นผู้สร้างเหรียญรุ่นแรกตอนหลวงปู่แก้วอายุ ๙๔ ปีเมื่อปี ๒๕๑๘ มาครั้งหนึ่งแล้วก็ตาม ก็ยังไม่กล้าจะสร้างอะไรต่อมิอะไรของหลวงปู่แก้วออกมาอีกเพราะกลัวญาติโยมจะไม่ศรัทธา จวบจนเมื่ออีก ๑๐ปี ให้หลังท่านบอกให้สร้างรูปเหมือนรุ่นแรก ซึ่งออกจำหน่ายเมื่อปลายเดือนกรกฏาคม ๒๕๒๗ นี้ เพื่อจะได้หาเงินไว้ทำศพท่านเพราะหลวงปู่แก้วท่านเป็นพระจนๆ ลูกหลานก็ล้วนแต่ยากจน เมื่อท่านมรณภาพแล้วท่านคงเกรงว่าจะทำความเดือดร้อนให้ลูกหลาน จึงให้สร้างรูปหล่อรุ่นแรกของท่านขึ้นเพื่อเตรียม หาปัจจัยไว้ทำศพท่าน เมื่อสร้างรูปเหมือนรุ่นแรกนี้แล้วก็มีเหตุแปลกๆที่ให้เชื่อว่า หลวงปู่แก้วท่านไม่ใช่พระแก่ๆ ธรรมดาๆ เป็นแน่เพราะมีข้อสังเกตุที่จดจำได้ดังนี้ ๑. เมื่อท่านขอให้สร้างรูปเหมือนรุ่นแรก ขณะนั้นท่านมีอายุ ๑๐๓ปีเต็มแล้ว แต่ท่านเจาะจงหาจารึกไว้ที่หลังรูปเหมือนว่า อายุ ๑๐๑ปี โดยท่านบอกว่าท่านเกิดที่จังหวัดร้อยเอ็ด ให้ใส่เลข ๑๐๑ เพื่อเป็นการระลึกถึงบ้านเกิดท่าน และท่านเน้นว่าเลข ๑๐๑ เป็นเลขดี เสร็จแล้วนำรูปหล่อของท่านให้บูชา เมื่อ ๑๓ กรกฏาคม ๒๕๒๗ ผู้ที่เช่าไประหว่างนั้น ถ้าชอบเล่นหวยทั้งใต้ดินบนดินมักจะถูกหวยทุกราย เพราะหวยรัฐบาลเลขท้าย ๒ ตัวงวดวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๒๗ ออก ๐๑ ๒. รูปหล่อหลวงปู่แก้วออกจำหน่ายหมดในเวลาไม่นานนักนำรายอื่นๆไปชนิดกินขาด ทั้งๆที่เรื่องราวของหลวงปู่แก้วเงียบหายไปจากความทรงจำของนักนิยมพระเครื่องมากว่า ๑๐ปีแล้ว ๓. มีผู้ใช้หลายรายประสบเหตุการณ์หลายอย่างเล่าให้ฟังว่า เรารูปหล่อหลวงปู่แก้วแช่น้ำพรมของๆขายดี ของขายหมดทุกวัน ๔. มีนักลองพระเอาไปทดลองยิงอย่างชนิดเผาขน ปรากฏว่านัดแรกยิงออกแต่ไม่ถูก นัดที่สองจ่อเข้าไปใกล้ๆเกิดยิงไม่ออก ๕. หลายรายปรากฏว่ามีโชคลาภติดๆกัน มีอยู่รายหนึ่งเกิดจำเป็นต้องใช้เงิน และหาไม่ได้ ตกกลางคืนนำรูปหล่อมาจุดอธิษฐานขอโชคลาภ จดหมายมาเล่าให้ฟังว่า ธูปงอเป็นเลข ๑ กับเลข ๓ จึงแทง ๑๓ หวยรัฐบาลก็ออกตามนั้น ๖. เมื่อหล่อรูปเหมือนชุดนันเสร็จ นำไปให้หลวงปู่แก้วดู ตาท่านมองไม่เห็นแต่ท่านหยิบมาคลำๆ ตรงหน้า ท่านบอกว่า เหมือนแต่หนุ่มไปหน่อย ปากทำได้คล้ายมาก ก็เมื่อตาท่านบอดสนิทมองไม่เห็นแล้ว แต่ท่านบอกได้อย่างไรว่าช่างแกะปากท่านเหมือนแต่หนุ่มไปหน่อย เพราะนำภาพเก่าถ่ายเมื่อตอนอายุท่าน ๙๓ ไปเป็นแบบให้ช่างแกะพิมพ์ พระกริ่ง ๙ แก้ว เกสาโร นับเป็นพระเครื่องชุดสุดท้ายที่หลวงปู่แก้วปลุกเสกให้อย่างเต็มใจ เป็นพิเศษนานถึง ๕๖ วันอันเท่ากับกำลังพระพุทธคุณ ลูกชายคนสุดท้องของหลวงปู่แก้วซึ่งมีนิวาสถานอยู่ติดกับวัดหนองพวา เป็นผู้ดูแลรับใช้หลวงปู่แก้วอย่างใกล้ชิดเล่าให้ฟังว่า ตั้งแต่คืนวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๒๗ จนถึงคืน วันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๒๗ รวมเวลา ๕๖คืนเต็ม ตั้งแต่เวลาสองนาฬิกา หลวงปู่แก้วจะลุกขึ้นนั่งทำสมาธิแล้วปลุกเสกพระกริ่งซึ่งบรรจุไว้ในหีบเหล็กทุกคืนมิได้ขาด เช้าบางวันหลวงปู่แก้วจะเอาศีรษะของท่านซบอยู่บนหีบเหล็กในลักษณะใช้มือทั้งสองข้างแตะหีบเหล็กแล้วปลุกเสกจนหลับไป แต่เข้าใจว่าท่านคงเข้าสมาธิถึงขั้นสุดยอดโดยเอาหน้าของท่านพาดไว้กับหีบเหล็กมากกว่า เพราะปกติเวลาหลวงปู่แก้วนั่งท่านจะก้มหน้าลงมามาก เมื่อวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๒๗ เป็นวันที่ไปรับพระกริ่ง ๙ แก้ว เกสาโร เมื่อไปถึงคณะต่างแปลกใจเพราะหลวงปู่แก้ว ท่านนั่งครองจีวรอย่างเรียบร้อยซ้ำกำลังสูบบุหรี่ ซึ่งม้วนจากใบจากอย่างอารมณ์ดี ท่าทีคล้ายนั่งคอยอยู่ รู้สึกว่าท่านแข็งแรงมาก เสร็จแล้วก็มอบหีบเหล็กใส่พระกริ่ง แก่คณะคุณชินพร สุขสถิตย์ พระกริ่ง ๙ แก้ว เกสาโร ถอดพิมพ์จากพระกริ่งจีนเล็กอันเป็นแบบเดียวกันเจ้าคุณศรี(สนธ์) สร้างเป็นพระกริ่งแล้วประทานชื่อ พระกริ่งจาตุรงคมุนี เมื่อปี ๒๔๙๐ อันจัดเป็นพระกริ่งมีชื่อองค์หนึ่งของสำนักวัดสุทัศน์ พระกริ่ง ๙ แก้ว เกสาโร เป็นพระกริ่งขนาดกระทัดรัดที่ใช้ห้อยคอได้ทั้งหญิงและชาย เพราะขนาดไม่เล็กจนเกินไป และไม่ใหญ่นัก ฐานกว้างสุดที่บัว ๑.๙ ซ.ม. สูงจากฐานล่างถึงพระเกศ ๓.๓ ซ.ม. มูลเหตูที่ตั้งชื่อว่า พระกริ่ง ๙ แก้ว เกสาโร เพราะพระกริ่งชุดนี้ได้สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกในวันคล้ายวันมรณภาพครบ ๙ ปีของหลวงปู่ทิม อิสริโก เป็นประการแรก ประการที่สองได้นำวัตถุมงคล ๙ ชนิด ที่มีชื่อว่าแก้ว ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับหลวงปู่แก้ว มาผสมรวมเป็นองค์พระกริ่งชุดนี้ขึ้น แก้ว เป็นนามอันนับเป็นมงคล เพราะเป็นธาตุที่แข็งและแสดงถึงความบริสุทธิ์ผุดผ่องพ้นจากกิเลสตัณหาและมลทินทั้งสิ้นทั้งปวงชของพระอริยสงฆ์ ซึ่งเรียกว่า ใสประดุจแก้ว จึงเห็นควรที่จะนำเอาวัตถุมงคลที่มีชื่อว่า แก้วมาหลอมร่วมเป็นพระกริ่งชุดนี้ คือ ๑. เศษโลหะจากองค์พระแก้วมรกต ซึ่งกำลังซ่อมบุษบกอยู่โดยนายช่างจากกรมศิลปากรมอบให้ ๒. โลหะจากยอดปราสาทวัดพระแก้ว (ได้จากบุคคลเดียวกับข้อ๑) ๓. ตะกรุดวัดพระแก้ว จากหอศาตราคม เป็นตะกรุดโบราณที่พระมหากษัตริย์พระราชทานแก่แม่ทัพนายกองเวลา ออกศึก ๔. เมื่ออธิษฐานแล้วหลอมเหรียญพระแก้วมรกตรุ่นฉลองพระนคร ๑๕๐ ปี พ.ศ ๒๔๗๕ ลงไป ๙ เหรียญ และรุ่น ฉลอง ๒๐๐ปี พ.ศ. ๒๕๒๕ อีก ๙ เหรียญ ๕. แผ่นยันต์ผ้า และเหรียญหลวงปู่แก้ว(พระเทพสาครมุนี) วัดช่องลม สมุทรสาคร ๖. เหรียญอาจารย์แก้ว คำวิทูร ฆราวาสผู้เรืองนาม ๗. พระปิดตาเนื้อตะกั่วค่อนข้างชำรุด ของหลวงปู่แก้ว วัดเครือวัลย์ ชลบุรี ๘. น้ำในสระแก้ว จังหวัดนครราชสีมา ใช้สำหรับแช่พระกริ่งในระหว่างหล่อเป็นองค์พระ ๙. วัตถุมงคลของหลวงปู่แก้ว เกสาโร ซึ่งได้สร้างไว้ในรุ่นก่อนๆ พร้อมทั้งแผ่นยันต์และนะซึ่งท่านปลุกเสกให้ นอกจากวัตถุมงคลอันมีนามว่า แก้วทั้ง ๙ สิ่ง แล้วยังได้รวมกับชนวนพระกริ่งชินบัญชร พระชัยฟ้าลั่น พระกริ่งปรโม ของหลวงปู่เริ่ม ตลอดจนเนื้อพระกริ่งปรโม ในส่วนที่เหลือจากหล่อพระกริ่งปรโมและพระชัยบูชาประจำตระกูล พระกริ่ง ๙ แก้ว เกสาโร เป็นพระกริ่งกฤตยาคมแฝด คือ หลวงปู่แก้ว เกสาโร และ หลวงพ่อเริ่ม ปรโม วัดจุกกะเฌอ หลวงพ่อเริ่ม ปรโม ท่านรู้จักหลวงปู่แก้ว มานานแล้ว เพราะหลวงพ่อเริ่มบวชใหม่ๆ หลวงปู่แก้วท่านยังไม่ได้บวชและเป็นผู้มีชื่อเสียงโด่งดังทางนักเลงจนเรียกว่า เสือ หลวงพ่อเริ่มท่านเล่าว่า เสือแก้ว เสือที เสือคง เสือฉิ่ง เป็นเสือที่ดังมากในย่าน พนัสนิคม สัตหีบ ศรีราชา ระยอง แกลง ผลที่สุดก็ถูกยิงตายหมด เหลือรอดอยู่แต่ เสือแก้ว คนเดียว ภายหลังได้หันเข้าหาผ้าเหลือง อุทิศตัวรับใช้พระศาสนาและหาทางหลุดพ้น หลวงพ่อเริ่มท่านเล่าว่า เมื่อครั้งหลวงปู่แก้วบวชหามีดโกนกันหลายเล่มเพราะ แม้แต่ผมยังโกนไม่เข้า ต้อนทำพิธีถอนกันอยู่นานจึงโกนหัวได้ ท่านบอกว่า ไม่เคยเห็นคนอะไรเหนียวเป็นบ้าเป็นหลัง พระกริ่ง ๙ แก้ว เกสาโรจึงเป็นพระกริ่งกฤตยาคมแฝด ซึ่งยังไม่มีใครเคยสร้างมาก่อนในยุคพระกริ่งเฟื่องฟู สร้างทั้งหมด ๓ เนื้อ คือ ๑. เนื้อสัมฤทธิเดช สร้างจำนวน ๑,๙๗๘ องค์ เป็นเนื้อผสมของทองเหลืองและดีบุก ขันสัมฤทธิ์เก่าๆ หลวงปู่แก้วท่านเน้นให้เอาดีบุกมาผสมด้วยเพื่อเป็นเคล็ดว่า ดีแล้วจึงบุก ให้เรียกชื่อตามโบราณาจารย์ว่า สัมฤทธิ์เดช เนื้อออกคราบเก่าแบบพระสมัยโบราณ ๒. เนื้อนวโลหะ เป็นเนื้อตามสมัยนิยมในปัจจุบัน เป็นเนื้อที่เหลือจากพระกริ่งปรโม มีจำนวนเพียง ๔๙๙ องค์ ๓. เนื้อเงินสัมฤทธิผล เป็นเนื้อของโลหะสัมฤทธิเดช ร้อยละ ๑๕ ผสมกับเนื้อนวโลหะอีกร้อยละ ๗๐ เป็นเนื้อเงินเก่า มีเงินพดด้วง เหรียญเงินรัชกาลที่ ๕ – ๖ -๗ และผสดมด้วยเงินกลมตรายันต์ สร้างน้อยมาเพียง ๓๐ องค์ และในการสร้างพระกริ่งแต่ละครั้งจำนวนมากถึง ๒,๐๐๐ กว่าองค์ก็จะมีพระที่เผื่อชำรุดไว้จำนวนหนึ่ง จึงได้เอาพระกริ่งที่เหลือประมาณ ๒๐๐ กว่าองค์มาอุดด้วยผงจินดามณีของหลวงปู่แก้วและผงพรายกุมารของหลวงปู่ทิม อิสริโก ที่เก็บรักษาไว้ แล้วได้นำเข้าพิธีปลุกเสกในพิธีสำคัญๆ อีกหลายครั้งทั้งของวัดสุทัศน์ วัดบวร พิธีหล่อพระกริ่งมหาโสฬสของหลวงปู่ทิมเมื่อ ๕ พฤษภาคม ๒๕๓๓ และได้เข้าพิธีของหลวงพ่อเกษม เขมโกอีกถึง ๓ ครั้ง และสุดท้ายได้นำไปให้หลวงปู่พรหมมา เขมจาโร หรือสำเร็จแก้วปลุกเสกพร้อมด้วยล๊อกเก็ตรุ่นแรก (ฝังเหรียญ ร.๙) ในกล่องเดียวกับพระเศรษฐีนวโกฏิ เมื่อ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๓๖ และในครั้งที่เข้าร่วมในพิธีเททองหล่อพระกริ่งชินบัญชรมหาโสฬส นั้น ได้นำพระกริ่งเก้าแก้วที่อุดผงนี้แช่ไว้ในตุ่มน้ำมนต์ที่ใช้ปักเทียนชัย และได้แช่ทั้งไว้ปีเศษ เมื่อนำพระเหล่านี้ขึ้นมาจากตุ่มน้ำมนต์ ก็ปรากฏว่าผิวพระเหล่านี้มีสนิมสีแดงจับหนาสวยงามมาก จึงเรียกชื่อว่า กริ่งกวนอู ได้ออกให้บูชาในเวลาต่อมา
  ยอดจอง 0  คน สมัครสมาชิก


 


Copyright ©G-PRA.COM